เมื่อ 22 ก.พ. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อวานนี้ 21 ก.พ. ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งเพิกถอน ส.ป.ก.เขาใหญ่ เป็นทางเลือกเดียวที่พึงกระทำ แต่กรณีกลับสะท้อนถึงอาการทางการเมืองร้าวลึกในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่กำลังสำแดงเดชขึ้น
นายจตุพร กล่าวถึงพื้นที่ ส.ป.ก.ในเขตป่าสงวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่า ส.ป.ก.ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองเพื่อนำมาแจกให้กับเกษตรกรเลย โดยหลักแล้วกรมป่าไม้ (ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ) ยกเขตป่าเสื่อมโทรมให้นำมาจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน
ส่วนกรณีบุกป่าสงวนเขาใหญ่นั้น ข้อเท็จจริง คือ กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่ได้มอบพื้นที่ป่าสงวนให้ ส.ป.ก. (สังกัดกระทรวงเกษตรฯ) เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เรียกรัฐมนตรีมาคุยเพื่อแก้ไขปัญหา แต่มีเพียง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ คนเดียวมาคุย ส่วน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่มาร่วมวงพูดคุยด้วย
ดังนั้น ทั้งหมดจึงเป็นการเมืองที่มีข้อเท็จจริงอันน่ากลัว เพราะการบุกรุกที่ดินเขาใหญ่ ซึ่งพวกเศรษฐีต้องการพื้นที่ไปทำบ้านพักตากอากาศและประกอบอาชีพอย่างอื่น โดยสอดคล้องกับการแปลงสิทธิพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
“วันนี้ รมว.เกษตรฯ คิดถูกแล้วที่สั่งยกเลิก (ส.ป.ก.) เพราะเจ้าของพื้นที่ทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ยังไม่ได้มอบให้ ส.ป.ก. อีกอย่างพื้นที่เป็นปัญหายังไม่ได้เป็นป่าสงวนเสื่อมโทรม ดังนั้น กรณีนี้ในทางการเมืองจึงไม่ปกติ เพราะ รมว.ทรัพยากรฯ ควบรองนายกฯ มีหน้าที่สั่งงานแค่กระทรวงทรัพยากรฯ หน่วยงานเดียวเท่านั้น จึงไม่เข้าร่วมหารือการแก้ปัญหาด้วย”
นายจตุพร กล่าวว่า ความไม่ปกติและเป็นปัญหาการเมืองนั้น แสดงออกมาตั้งแต่การตั้งรัฐบาล ซึ่ง พปชร.ได้รัฐมนตรีว่าการถึงสองกระทรวง คือ เกษตรฯ และทรัพยากรฯ แต่รองนายกฯ กลับได้คุมเพียงกระทรวงทรัพยากรฯ เท่านั้น ส่วนเกษตรฯ ไปขึ้นกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จึงผิดวิสัย อีกทั้งกล่าวว่า ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้รัฐมนตรีว่าการสองกระทรวง คือ รมว.พลังงานและอุตสาหกรรม แต่ได้รองนายกฯ คุมในสายกระทรวงของตัวเองทั้งหมด แล้วยังได้เพิ่มให้ดูแลกระทรวงยุติธรรมอีก ส่วน พปชร.ที่มีเสียง สส.มากกว่า ได้รัฐมนตรีสองกระทรวงเช่นกัน แต่รองนายกฯ กลับได้คุมเพียงกระทรวงทรัพยากรฯ อย่างเดียว แต่กระทรวงเกษตรฯ ไปให้พรรคเพื่อไทยดูแล กระทั่งมาเกิดปรากฏการณ์ที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่จึงสำแดงศักดิ์ศรีของพรรคร่วมขึ้น
“ปรากฏการณ์เขาใหญ่ถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว สู้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของและชอบธรรม เมื่อ ก.เกษตรฯ สั่งถอย ให้ยกเลิก ส.ป.ก.จึงเป็นทางเลือกเดียว ถ้ายังดื้อดึงไปจะนำพาให้รัฐบาลพังได้เหมือนในอดีต เพราะพื้นที่ ส.ป.ก.เขาใหญ่กว่า 1.5 แสนไร่ จึงไม่ธรรมดาและจะเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต”
นายจตุพร กล่าวต่อว่า แม้ รมว.เกษตรฯ สั่งยกเลิกที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ไปก่อนก็ตาม แต่มีกลิ่นว่า การเมืองในพรรคเดียวกันมีปัญหาขึ้น อีกอย่างต้องไม่ลืมว่า ระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สร้าง 3 ป. และ พปชร. มา จึงไม่ควรประมาท เพราะถ้าไม่แน่จริง ไม่สามารถสร้างทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. แล้วอยู่ในตำแหน่งการเมืองได้
“กรณีนี้ส่อถึงอาการเสือที่เลียแผลเสร็จ ตั้งหลักได้ก็เริ่มสำแดงเดช แล้วเลือกลงมือในประเด็นที่เขาได้เปรียบทั้งทางกฎหมาย ประชาชน และกระแสสังคมกับสื่อสารมวลชน ดังนั้น ปัญหาครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงอาการร้าวลึกใน พปชร.” นายจตุพร กล่าวว่า ที่ ร.อ.ธรรมนัส สั่งเพิกถอน ส.ป.ก.เขาใหญ่ จึงเป็นทางเลือกเดียวที่ต้องทำ เพราะความชอบธรรมอยู่ที่ ก.ทรัพยากรฯ หมด อีกทั้งป่าเขาใหญ่เป็นพื้นที่มรดกโลก เป็นแหล่งป่าไม้สำคัญของไทย ซึ่งประชาชนย่อมหวงแหน